เดินทางตั้งแต่วันที่ - ถึง - ( เปลี่ยนวัน )
กรุณาเลือกวันที่ต้องการ
นอนสบายๆ @ โรงแรมหรูใจกลางกรุงแห่งใหม่ SOFITEL BANGKOK SUKHUMVIT
Post by Medhawint,Thailand Date Dec 25,2012
โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท
โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท ให้บริการที่พักคุณภาพในย่านการท่องราตรี, การออกไปลิ้มชิมรสอาหาร, การช็อปปิ้งของ กรุงเทพ จึงได้รับความนิยมจากทั้งนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อน ตัวเมืองอันน่าตื่นตาตื่นใจอยู่ห่างออกไปเพียง 0.5 Km นักท่องเที่ยวที่พักที่โรงแรมนี้สามารถเพลิดเพลินไปกับการเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของเมือง เช่น สวนชูวิทย์, โรบินสัน สุขุมวิท, สถานีรถไฟฟ้านานา
บริการและสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างที่คุณคาดหวังจากโรงแรมในเครือ Accor Hotels มีให้พร้อมสรรพเพื่อความสะดวกสบายเหมือนอยู่บ้าน คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับสิ่งอำนวยความสะดวกระดับท็อปที่เลือกสรรมาแล้ว เช่น ลิฟท์, ร้านอาหาร, บริการซักรีด/ซักแห้ง, ห้องแฟมิลี่รูม, ศูนย์ธุรกิจ ได้ที่โรงแรมแห่งนี้
ผู้เข้าพักสามารถเลือกห้องพักจาก 345 ห้อง ทุกห้องให้ความรู้สึกสงบและกลมกลืนอย่างแท้จริง ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้รักฟิตเนส หรือเพียงมองหาวิธีผ่อนคลายหลังวันอันแสนวุ่นวาย เชิญรับความสำราญจากสิ่งอำนวยความสะดวกระดับท็อปคลาส เช่น บริการนวด, ห้องอบไอน้ำ, สปา, ซาวน่า, สระว่ายน้ำกลางแจ้ง สิ่งอำนวยความสะดวกชั้นเลิศและทำเลที่ตั้งดีเยี่ยมทำให้ โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท สมบูรณ์แบบสำหรับการเข้าพักของคุณใน กรุงเทพ
ห้องลักซ์ชัวรี่ | ห้องเพรสทิจ สวีท | ห้องลักซ์ชัวรี่ คลับ มิเลเซี่ยม |
ห้องลักซ์ชัวรี่ พาร์ค วิว |
สวัสดีครับเพื่อนๆ BP ทุกคน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผมมีโอกาสไปพักโรงแรมเปิดใหม่แห่งหนึ่ง
ทำเลที่ตั้งนั้นดีมากจริงๆ ด้วยตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านสุขุมวิท โรงแรมนี้เปิดเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ถือว่าที่นี่เป็นโรงแรมใหม่ล่าสุดในกรุงเทพฯ ของเครือ Accor เลยทีเดียว
วันนี้ผมจะขอพาเพื่อนๆ ไปสัมผัสกับโรงแรม 5 ดาว แห่งใหม่นี้ ซึ่งก็คือ SOFITEL BANGKOK SUKHUMVIT นั่นเอง
ขอเชิญติดตามรับชมกันเลยครับ
แผนที่ครับ
ที่ตั้งโรงแรมถือว่าสะดวกสบายมาก เนื่องจากมีรถไฟฟ้าบีทีเอสผ่านพอดี
มองระยะไกลรูปร่างอาคารดูแปลกตาพอสมควร
ส่องดูที่ส่วนยอดของอาคารโรงแรม
Sofitel Bangkok Sukhumvit เป็นโรงแรม 5 ดาว มี 32 ชั้น ประกอบด้วยห้องพักหรูสไตล์ร่วมสมัยจำนวน 345 ห้อง
ศิลปะการตกแต่งตัวอาคารเป็นแบบร่วมสมัยโดยการตกแต่งส่วนหน้าของอาคารด้วยไลม์สโตน คอนกรีต สแตนเลส และกระจก
ส่วนบนสุดของอาคารนั้นตกแต่งเป็นรูปทรงมงกุฏ
บริเวณด้านหน้าโรงแรม
ทางเข้าโรงแรม
ป้ายชื่อโรงแรม ดูไม่ค่อยโดดเด่นสักเท่าไหร่ในความรู้สึกของผมนะครับ
เข้าสู่ในอาคารโรงแรมกันเลยดีกว่า
โลโก้โรงแรมเหนือประตูทางเข้า ดูโดดเด่นดีครับ
เมื่อเดินเข้าสู่ตัวโรงแรมก็พบกับโต๊ะตัวใหญ่ มีแจกันดอกไม้ประดับตั้งอยู่
สำหรับโถงทางเข้าเพดานจะเปิดโล่งในชั้น 1 ถึง ชั้น 3
ให้ความรู้สึกเปิดโล่งแก่ผู้มาเยือน ช่วยลดความอึดอัดลงอีกทางหนึ่ง
เดินชม lobby กันครับ
การตกแต่งในส่วน Lobby นั้น รู้สึกได้เลยว่า โรงแรมนี้หรูหรา ไม่ธรรมดาแน่นอน
ซึ่งบริเวณนี้ใช้สำหรับเป็นสถานที่ทาน Afteroon Tea อีกด้วย
การตกแต่งจะเน้นสีสันต่างๆ ให้เข้ากัน ให้ความรู้สึกหรูหรา
ไม่ว่าจะเป็น สีของโซฟา ส่วนใหญ่จะเน้นสีเบจและสีน้ำตาล ตกแต่งให้เข้ากับแสงไฟ
โคมไฟประดับตั้งพื้น คล้ายๆ กันกับที่ St.Regis เลย
การตกแต่งตรงกับ Concept คือ The Library ก็คือ ห้องสมุด นั่นเอง
ดังนั้นจึงมีตู้หนังสือ หรือเป็นมุมอ่านหนังสือ
หมอนสวยๆ โซฟานั่งสบายมากครับ
Lobby ในมุมต่างๆ
Lobby
บนโต๊ะประดับด้วยดอกกุหลาบสีขาว
หมอนอิงหน้ากอดมาก อยากได้ไปไว้ที่บ้านสักใบ
Lobby
มุมนี้จะดูเรียบหรู
โซฟานิ่มๆ
Lobby
หมอนรูปดอกกุหลาบ ผมชอบครับ ดูแปลกตาดี
Lobby
มุมนี้นั่งกันชิวๆ
มุมนี้ Relax ดีนะครับ
บริเวณ Lobby นั้น ยังมี LE BAR DE L'HOTEL ซึ่งเป็นบาร์ของทางโรงแรมอีกด้วย
โดยเปิดบริการ 11.00-24.00 น.
LE BAR DE L'HOTEL
LE BAR DE L'HOTEL ต้องขออภัยครับ พอดีลืมเก็บภาพด้านในมาฝาก
สำรวจ Lobby กันต่อครับ
LE MACARON
ชื่อก็บอกอยู่แล้ว คงต้องเป็นร้านขาย Macaron แน่นอน นอกจากนี้ยังมี hand-made chocolates ขายอีกด้วย
เปิดบริการ 07:00 - 22:00 น.
เข้าไปสำรวจด้านในกันเลยดีกว่า
Macaron น่าทานมากๆ สงสัย Oriental คงจะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีก 1 ราย
ราคาก็ไม่แพงสักเท่าไหร่
ทำกันสดๆ เลยครับ
สำหรับบริเวณนั่งทานนั้นจะอยู่โซน outdoor
ที่นั่งทานดูเป็นระเบียบ ตกแต่งด้วยหมอนสีสันตัดกัน
หมอน นอกจากจะสีสันสวยงามแล้ว ยังนิ่มอีกต่างหาก
เมื่อสำรวจชั้น 1 กันเสร็จแล้ว ไป Check in กันเลยดีกว่า
บริเวณ Check in ค่อนข้างจะให้ความเป็นส่วนตัวกับแขกที่มาพัก โดยแยกออกมาคนละส่วนกันกับทางเข้าของโรงแรม
Check in Counter
Check in Counter การตกแต่งหรูหราตามสไตล์ Sofitel
ไป Check in กันเลยดีกว่า ยื่นเอกสารการจอง บัตรประชาชน บัตรเครดิตกันวงเงิน
ปล. คุณพนักงานที่นี่มีไมตรีจิตต่อแขกมากๆ โดยเฉพาะคนไทยอย่างผม
ผิดกับบางโรงแรมที่แทบจะเอาใจแต่แขกชาวต่างชาติ
ระหว่างนั้นคุณพนักงานเชิญผมไปนั่งที่โซฟา
พร้อมนำ Welcome Drink มาเสริฟ
คีย์การ์ด
สำหรับบันไดทางด้านซ้ายมือจากภาพ คือ ทางขึ้นไปยัง ห้องอาหาร Voila! ซึ่งเป็นห้องอาหารหลักของที่นี่
สำหรับ Facility ต่างๆ ของโรงแรมมีดังนี้
ชั้น 1 - Lobby / Le Macaron / LE BAR DE L'HOTEL
ชั้น 2 - Voila! Restaurant
ชั้น 3 - Inspiredmeetings Floor
ชั้น 6 - Salon 4&5
ชั้น 7 - Le Grand Ballroom / Salon 1, 2 & 3 / Bussiness Center
ชั้น 8 - Guest Room
ชั้น 9 - Swimming Pool / So Fit / Le Spa with L’Occitane
ชั้น 10 - 30 - Guest Room
ชั้น 31 - Club Millesime
ชั้น 32 - L’Appart Restaurant & Lounge
สำหรับ L’Appart Restaurant & Lounge ที่ตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของโรงแรม
มีการออกแบบในสไตล์อพาร์ตเม้นต์ออสมาน (Hausmann-style) ที่สะท้อนภาพความเป็นฝรั่งเศสแบบดั้งเดิม
จากภาพ : โถงลิฟต์ชั้น 1
โถงลิฟต์ชั้น 16 ซึ่งเป็นชั้นที่ผมพัก
ทางเดินไปยังห้องพัก
ห้องที่ผมพักเลขที่ออก
.
.
.
.
1611
แผนผังห้องพัก
ภายในห้อง
เตียงนอน นอนสบาย ไม่นิ่มไม่เเข็งจนเกินไป
เตียงในมุมต่างๆ
เตียง ถ่ายแบบหน้าตรงบ้าง
หมอนนิ่มๆ น่านอน
โคมไฟหัวเตียง
เริ่มสำรวจในห้องกัน
เริ่มจาก ทีวี ซึ่งไม่ใช่ LCD TV ธรรมดา แต่สามารถเชื่อมต่อ Social Network ได้ด้วย
สามารถเล่น Facebook Skype Twitter หรือ ดู YouTube ได้ด้วย
ตู้ Minibar มีลักษณะไทยร่วมสมัย มีการนำเอกลักษณ์ไทยเข้ามาประยุกต์กับฝรั่งเศส ซึ่งดูกลมกลืนกันมากๆ
ทางโรงแรมมี เครื่องเล่นซีดี / iPod Duct / และรีโมตควบคุมทีวีทั้งสองแบบ ไว้ให้
โต๊ะทำงาน
คุณแม่บ้านนำ Welcome Fruit พร้อม Macaron / Green Tea Chocolate / มะม่วงเชื่ิอม มาส่ง
ดูกันใกล้ๆ
มาสำรวจห้องกันต่อครับ
เปิดดู ภายในแฟ้มใหญ่จะมีกระดาษขนาดต่างๆ
ส่วนในแฟ้มเล็กจะมี in-room dining menu
สำรวจ Minibar เปิดตู้ด้านซ้าย
ชา กาแฟ ฟรี ส่วนเหล้าเสียเงินตามปกติ
กาต้มน้ำ เครื่องชงกาแฟ กระติกน้ำแข็ง กาแฟสำหรับใช้กับเครื่องชง
ไวน์ น้ำแร่
ถั่ว มันฝรั่งทอด
เปิดตู้ด้านขวาดู จะเป็นส่วนของตู้เย็น
มาสำรวจตู้เสื้อผ้าดู มีอะไรบ้าง ในตู้มีเสื้อคลุมให้ 1 ตัว
ด้านบนของตู้ มีหมอนให้ 1 ใบ
ตรงกลางตู้มี Safe Box ให้
ด้านล่างของตู้มีถุงส่งซัก อุปกรณ์เย็บปักถักร้อย และไฟฉาย
ด้านล่างของตู้มีรองเท้าแตะ ถุงใส่รองเท้าพร้อมแปรงขัด
ขอลาห้องนอนไปด้วยภาพนี้
คราวนี้มาดูในส่วนของห้องน้ำกันบ้างครับ สำหรับประตูทางเข้าห้องน้ำจะอยู่ติดกับตู้เสื้อผ้าเลย
ค่อยๆ แง้มดูกันก่อน
มีการเล่นแสงไฟให้ความรู้สึกหรูหรา โดยใช้แสงไฟตัดกันกับสีพื้นและสีของเคาน์เตอร์
ไฮโซเอาซะมากๆ
ห้องน้ำมีพื้นที่กว้างพอสมควร ให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง คลายความอึดอัดให้กับแขกได้เป็นอย่างดี
ทางโรงแรมมีน้ำดื่มฟรีให้ 3 ขวด อยู่ในห้องน้ำ 2 ขวด ในตู้มินิบาร์อีก 1 ขวด
สำหรับผมเมื่อทานหมดแล้ว คุณเเม่บ้านก็เามาให้ใหม่ครับ
Amenities Kits ครบเซ็ท ส่วนแปรงสีฟันยาสีฟันต้องโทรลงไปขอด้านล่าง
ผมว่าโรงแรมระดับนี้ควรจะมีไว้ในห้องเลยน่าจะดีกว่า
สบู่ล้างมือของที่นี่จะใช้ของ L’Occitane ดูสมกับจำนวนดาวของโรงแรมดีครับ
ส่วนด้านขวามือจะเป็นสวิทซ์สำหรับปรับม่านขึ้นลงด้วยไฟฟ้า
ในลิ้นชักมีไดร์เป่าผมพร้อม
มาดูอ่างอาบน้ำกันบ้าง มีฝักบัวนวดต้นคอมาให้ด้วย
อ่างอาบน้ำมีขนาดใหญ่พอสมควรตามความรู้สึกของผมนะ
หากท่านใดมาเป็นคู่ แล้วอายก็ปรับม่านไฟฟ้าลงมาครับ
ขอบอ่างมี Amenities Kits ของ L’Occitane ไว้ให้
ท้ายอ่างมีของตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ประดับอยู่ พร้อมมีผ้าเช็ดตัวไว้ให้
ห้องน้ำแยกส่วนแห้งส่วนเปียก
ด้านซ้ายโถสุขภัณฑ์ มีกระดาษชำระไว้ให้ แต่ไม่มีสายชำระตามแบบฉบับโรงแรมหรูทั่วไป
ส่วนด้านขวาจะมีฝักบัวและ Rain Shower น้ำแรงมากๆ สะใจดี
ไปดู Facility อื่นๆ ของทางโรงแรมกันบ้าง
เริ่มด้วยกดลิฟต์ไปชั้น 9 ไปชมสระว่ายน้ำ สปา ฟิตเนส กันครับ
เริ่มด้วย MINERALE SPA BAR
Slogan :
Prolong your bliss at the spa, with an elite collection of refreshing mineral waters
from around the globe as well as innovative organic-inspired cuisine to maximize your well-being
เปิดบริการ : 06:30 - 22:00 น.
MINERALE SPA BAR อีกสักภาพ
เดินออกไปยัง Swimming Pool ช่วงกลางคืนจะจุดเทียตามทางเดิน สวยมากๆ
สระว่ายน้ำที่นี่มีความลึก 1.25 เมตร ตลอดทั้งสระ
สระว่ายน้ำ
Pool Bed อีกสักรูป
เตียงนี้เหมาะสำหรับคนที่มาเป็นคู่
สระว่ายน้ำของที่นี่เป็นระบบน้ำเกลือนะครับ
LIQUIDE POOL BAR บาร์เครื่องดื่มริมสระของที่นี่
Slogan :
Enjoy fresh juices and creative cocktails by our dramatic landscaped pool,
with light meals available throughout the day.
เปิดบริการ : 06:30 - 24:00 น.
LIQUIDE POOL BAR
Le Spa with L’Occitane สปาหรูแห่งแรกในประเทศไทยที่ให้บริการทรีตเม้นต์คุณภาพหลากชนิด
โดยใช้ผลิตภัณฑ์สปาชั้นเลิศจาก L’Occitane ที่สั่งตรงจากทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส
ทางเข้าจากด้านสระว่ายน้ำ
คราวนี้ไปดูในส่วนของ Fitness และ Spa กันบ้าง
เดินไปด้านซ้าย คือ ส่วนของ Le Spa with L’Occitane สปาของที่นี่
เดินไปด้านขวา คือ ส่วนของ So Fit ฟิตเนสของที่นี่
SO FIT
ด้านในมีเครื่องเล่นต่างๆ มากมาย
Fitness ของที่นี่ไม่ค่อยใหญ่สักเท่าไหร่นะครับ
เข้าไปชมในห้องน้ำกันบ้าง
มีผ้าขนหนูและน้ำไว้บริการ
มองย้อนกลับมา
Locker
ด้านในจะมี Sauna ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ
Sauna
Shower Room
และแล้วก็ได้เวลามื้อเย็น ซึ่งวันนี้ผมได้มีโอกาสขึ้นไปทานที่ Club Millesime ชั้น 31 เป็นกรณีพิเศษ
ปกติแล้วห้อง Deluxe ที่ผมพักไม่มีสิทธิ์ที่จะขึ้นมาทานตรงนี้เลย ต้องขอบคุณทางโรงแรมจริงๆ
Club Millesime มื้อเย็น เปิดบริการ : 17.00-19.00 น.
เมื่อถึงที่เเล้ว ยื่นคีย์การ์ดกับคุณพนักงาน
Wine & Cocktails Bar
เนื่องจากแสงน้อย อาจจะมีบางภาพมัวบ้างชัดบ้าง ต้องขออภัยด้วยครับ
โซฟานิ่มๆ นั่งสบายจริงๆ ครับ
มุมนี้ก็สวยครับ ดู DIY เอาซะเหลือเกิน
เดินถ่ายภาพไปสักพัก คุณพนักงานเดินมาถามว่า รับชากาแฟไหมค่ะ
พนักงานที่นี่อัธยาศัยตอแขกดีจริงๆ ขอชม
มาถ่ายภาพในโซนทานอาหารกันบ้าง
เมื่อเลือกโต๊ะนั่ง สั่งเครื่องดื่ม แล้วจึงเดินไปตักอาหาร
เริ่มจากโซนอาหารประเภททอด/ย่าง
เปิดฝาดู มี ป่อเปี๊ยะทอด ไก่สะเต๊ะ
โซนอาหารโดยรวม
อันนี้เรียกไม่ถูกเหมือนกัน แต่ก็อร่อยดีนะครับ
ขนมปังต่างๆ
ผลไม้
ของหวาน คุกกี้ เบเกอรี่ต่างๆ
มี Macaron แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องมี นอกจากนี้ยังมี hand-made chocolate
รอสักพัก เครื่องดื่มที่สั่งไปก็ถูกนำมาเสริฟ ซึ่งก็คือ Cocktails แบบมี Alcohol
ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะชื่อว่า Americano
จากนั้นออกไปเดินเล่นข้างนอก กลับมาก็มืดแล้ว
บริเวณ Lobby
The Library
มาดูที่ Check in counter
เปิดผ้าม่านชมความงามของมหานครกรุงเทพยามค่ำคืน
แสงไฟในห้องลงตัวจริงๆ ดูหรูหราสมกับเป็น Sofitel
คุณแม่บ้านมา Turn Down ให้เรียบร้อย
บนหัวเตียง มีน้ำเปล่าพร้อมแก้ว
ที่พื้นมีรองเท้าวางไว้
ตื่นเช้ามา ลงไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร Voila! ชั้น 2
แจ้งหมายเลขห้องกับคุณพนักงาน แล้วเดินไปยังโต๊ะที่นั่ง
อุปกรณ์การกินถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยดี
เกลือ พริกไทย พร้อมดอกไม้ประดับโต๊ะอาหาร
ระหว่างนั้น คุณพนักงานนำขนมปังและเนยมาเสริฟ พร้อมกับถามว่า Coffee or tea?
ซึ่งผมก็ตอบ Tea ไป
ได้เวลาตักอาหารมาทานแล้ว
สักพักนำชาได้ถูกนำมาเสริฟ
กาน้ำชาสวยดีนะ
ได้เวลาสำรวจไลน์อาหารกันแล้ว Egg Station ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยวต่างๆ
Salad Bar Cereal ต่างๆ
ที่นี่มีอาหารบางอย่างที่โรงแรมส่วนมากไม่ค่อยจะมีกัน ก็คือ ข้าวต้ม หมูฝอย กุนเชียง หมูเค็ม เนื้อเค็ม และต้มจืดต่างๆ
แฮม ชีส ทูน่า เบคอน
Smoothies Station
ขนมปังต่างๆ
ขนมปัง ครัวซองต์
แพนเค้ก Waffles และ hand-made chocolates ในตู้กระจก
โซนอาหารในภาพรวม
โซนอาหารแนวนอน อีกสักรูป
เบคอนรมควัน น้ำผลไม้ต่างๆ
ผลไม้ดูหลากหลายดีครับ ไม่ว่าจะเป็น มะม่วง แอปเปิ้ล ชมพู่ เมลอน แคนตาลูป กล้วย ส้ม
หลังจากได้ชมไลน์อาหารกันแล้ว เรามาชมบรรยากาศภายในห้องอาหารกันดีกว่าครับ
โคมไฟประดับลักษณะแปลกตาดี คล้ายๆ แก้ว 2 ใบ ประกบกันอยู่
โต๊ะทานอาหารถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
โต๊ะของที่นี่มีทั้งโต๊ะแบบสี่เหลี่ยมและโต๊ะวงกลมครับ
สำหรับโต๊ะวงกลมจะนั่งได้ 6 ท่าน
บรรยากาศภายในห้องอาหารรูปสุดท้ายแล้วครับ
ห้องอาหารของที่นี่การตกแต่งจะอกมาในลักษณะเรียบๆ หรูๆ ไม่ได้ออกมาในลักษณะหรูหราสักเท่าไหร่
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ขึ้นห้องไปพักผ่อนครับ ลงมา Check Out ตอนเที่ยงเศษๆ พนักงาน Reception
บริการดีมากครับ มีมนุษยสัมพันธ์กับแขกดีมาก เอาใจใส่ ไม่แบ่งแยกไทยฝรั่ง
พนักงานบางท่านจำชื่อแขกที่เข้าพักได้อีกต่างหาก ทักทายเสมอเมื่อแขกเดินผ่าน
สรุปก็คือ การไปพักในครั้งนี้ ผมรู้สึกประทับใจในทุกๆ ด้านของโรงแรมเลย
แทบจะไม่มีข้อเสียให้ตำหนิเลย ถีก็เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง
การให้คะแนนโรงแรม
ห้องพัก 9/10
ความสะดวกสบาย 10/10
ความสะอาด 10/10
การบริการ 9/10
สระว่ายน้ำ 9/10 (น่าจะทำเป็นแบบ Infinity view นะครับ)
อื่นๆ 9/10
สรุปข้อดี
1. ทำเลที่ตั้งดีมาก อยู่ใจกลางเมือง ย่านธุรกิจอย่างสุขุมวิท
2. ห้องพักหรูหราน่าพักมาก
3. พนักงานทุกส่วนบริการดีครับ โดยเฉพาะ Reception ดีมากจริงๆ
เป็นมิตรต่อแขกมากๆ ไม่แบ่งแยกไทยฝรั่ง
4. Amenities Kit ใช้เหมาะสมกับเกรดของโรงแรมมาก โดยห้อง Deluxe ใช้ L'Occitance
ส่วนห้อง Club ขึ้นไป ใช้ HERMES
ข้อเสีย
โรงแรมระดับนี้ควรจะมีแปรงสีฟันไว้ในห้องพักน่าจะดีกว่า ให้แขกโทรไปขอกับ Room Service
ขอขอบคุณพนักงาน Reception โดยเฉพาะคุณแอปเปิ้ล (ด้านซ้ายจากภาพ)
ที่ดูแลผมในฐานะแขกคนหนึ่งของโรงแรมเป็นอย่างดี สำหรับโรงแรมนี้แล้ว ถ้ามีโอกาสคงจะกลับไปพักอีกแน่นอนครับ